วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2552

คุยเรื่อง...ฌาน

             ถาม... การทำสมาธิจะทราบได้อย่างไรว่าเราได้ฌาน และมีอะไรเป็นเครื่องวัด?

             หลวงพ่อ... ฝึกสมาธิเหมือนการกีฬา ถ้าตัวเองเก่งก็จะรู้ว่าเอง ถ้าตนเองชำนาญก็จะรู้
                   เหมือนกับการว่ายน้ำ ถ้าโดดลงไป... ตู้ม      มันจม...เราก็รู้ว่าเราว่านไม่เป็น 
                   ถ้าเราโดดไป... ตู้ม เราว่ายได้ เราก็รู้ว่าเราว่ายเป็น   เหมือนเราทานข้าวนี่
                   เรากินเข้าไปแล้ว  เราจะรู้ว่ามันเป็นยังไง เปรี้ยว , หวาน , มัน , เค็ม  ยังไม่อิ่มเราก็รู้ 
                   อิ่มแล้วเราก็รู้  สมาธิมันก็รูตัวเองอย่างนั้น  ฉะนั้นคนทำจึงจะรู้ เข้าใจไหม?  พอเข้าใจนะ
                   ก็ต้องทำ ทำแล้วจะรู้

                                   เรื่องฌานเรื่องฌาน...  ไม่ต้องให้ใครบอกว่า "คุณถึงฌานขั้นนั้น..."
                   ถ้าเราทำสมาธิแล้วยังต้องคอยให้คนอื่นมาบอกแสดงว่าสมาธิเราไม่เกิดปัญญา
                   แสดงว่าหลงทาง  คนที่ถามก็หลงทาง  คนที่บอกก็หลงทาง  สมาธิมันก็ต้องเป็นปัจจัตตัง
                   ตัวเองต้องรู้  เพราะคำสอนของพระพุทธเจ้าบอกไว้ว่า  สมาธิทำให้เกิดปัญญา
                    ถ้าไม่เกิดปัญญาก็ไม่ใช่สมาธิ

               ถาม... ที่ว่ามีการสอบอารมณ์นี่ล่ะครับ  จำเป็นแค่ไหน?

               หลวงพ่อ... ก็จำเป็นบ้าง  ถ้าเกิดลูกศิษย์หลงทางไปด้วย  สอบอไรก็หลงทาง  แต่ถ้า
                     อาจารย์หลงทางซะเอง ลูกศิษย์ก็หลงทางไปด้วย  สอบอะไรก็หลง  พากันหลงเลย

                                   ใครที่บอกว่า "คุณนี้ได้โสดาบันนะ ได้สกินทาคาฯ นะ"  นั้นหลงเลย

                ถาม... ถ้าระดับพระอริยเจ้านี่ ไต้องมาบอกกันว่า"คุณได้"

                หลวงพ่อ... เขาทำงาน  เขาก็รู้ว่าเขาได้เงินเดือนเท่าไร  ไม่ต้องไปบอกเขาหรอก
                        เจ้านายให้มาแล้วเขาก็รู้เลยว่าเขามีเงินเดือนเท่าไร  เขารู้ใช้ไหม?  แล้วเงินใน
                        กระเป๋าเขามีอยู่เท่าไรเขาก็ต้องรู้  คนตาบอดยังรู้เลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น